นอกจากที่เราจะต้องคำนึงถึงโครงสร้างและองค์ประกอบต่างๆของเกมส์แล้ว เรายังต้องเข้าใจถึงข้อสมมติฐานเบื้องต้น สองข้อหลักคือ
1) Rationality of Player นั่นคือบทข้อการมีเหตุมีผลของผู้เล่น ว่าแต่ละฝ่ายล้วนต้องการเพิ่มอรรถประโยชน์ให้แก่ตนเองโดยทั้งสิ้น ฟังดูอย่างนี้ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายก็ดูเหมือนเป็นบุคคลเห็นแก่ตัวด้วยกันทั้งหมด แต่ก่อนที่เราจะก้าวไปถกในข้อนั้นเราควรทำความเข้าใจกับอรรถประโยชน์ให้ถ่องแท้เสียก่อน
เมื่อพูดถึงอรรถประโยชน์หรือ utility แล้วหลายคนอาจสงสัยว่าใช้อะไรวัดว่าสูงที่สุดแล้วหรือไม่ และจริงๆแล้วอะไรกันแน่คืออรรถประโยชน์ หากจะให้อธิบายง่ายๆ อรรถประโยชน์ก็คือความสุขนั่นเอง ซึ่งโดยมากแล้วเรามักเข้าในว่าความสุขไม่มีหน่วย และไม่สามารถวัดได้ด้วยวัตถุสิ่งของ แต่วัดด้วยใจมากกว่า หากแต่ในทางเศรษฐศาสตร์ซึ่งต้องการวัดค่าความพอใจของทุกสิ่งอรรถประโยชน์นี้อาจถูกวัดด้วยหน่วย util ทั้งนี้ util มีไว้เพื่อเปรียบเทียบเท่านั้นว่าสิ่งนี้ให้อรรถประโยชน์มากกว่าอีกสิ่ง หาใช่ประโยชน์โดยสัมบูรณ์ด้วยตัวมันเองไม่ ฉะนั้น สิ่งของที่ให้ util 2 หน่วย มักเป็นที่พอใจน้อยกว่าสิ่งของที่ให้ util 5 หน่วย เมื่อเรารู้เช่นนี้แล้ว การประยุกต์ใช้หลักข้อนี้ก็เช่นนำเอา util มาโยงเข้ากับโลกธุรกิจซึ่งผู้ประกอบการล้วนหวังผลกำไรด้วยกันทั้งสิ้น กำไร จึงมักถูกนำมาเปรียบเทียบให้เป็น utility เหมือนกันนั่นเอง ผิดกันแค่ว่ากำไรเป็นจำนวนสัมบูรณ์ ซึ่งสามารถนำมาเปรียบเทียบไปในตัวอีกด้วย เมื่อพูดเช่นนี้แล้วหวังว่าปัญหา util จะกระจ่างขึ้น
ต่อมาคำถามในข้อความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ หลายท่านคงสงสัยว่าหาก rational of player เป็นจริง เพราะเหตุใดยังคงมีคนใจบุญที่มักบริจาคเงินให้องกรณ์สาธารณกุศลต่างๆอยู่อีก คนเหล่านี้เค้าจะได้ประโยชน์อะไรแอบแฝงอยู่กับการทำบุญหรือไม่ คำตอบง่ายๆคือว่า utility ของเค้าอาจขึ้นอยู่กับ utility ของผู้อื่นนั่นเอง นั่นหมายความว่าเค้าเอาตัวเองเข้าไปผูกกับผู้อื่น ด้วย หากเค้าเป็นผู้มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นเมื่อเห็นคนอื่นเดือดร้อนเค้าจะทุกข์ไปด้วย ดังนั้นการบริจาคจึงเป็นทางหนึ่งที่ทำให้เค้ารู้สึกว่าได้ช่วยเหลือผู้เดือดร้อน ในขณะที่อรรถประโยชน์ของผู้อื่นเพิ่มขี้น ความสุขของเค้าก็เพิ่มขี้นด้วยเช่นกัน นอกจากคิดแบบนี้แล้วบริษัทต่างๆยังอาจแฝง marketing campaign ไปกับองค์กรสาธารณกุศลได้อีกด้วย ถือเป็นการ sponsor ที่สร้างประโยชน์ให้กับทั้งธุรกิจเอง และสังคมอีกด้วยไปในตัว
2) Common Knowledge นั่นคือผู้เล่นทุกฝ่ายมีความรู้เท่าเทียมกัน รู้ทั้งเขาและเรา รู้ทั้งกฏ กติกา และข้อจำกัดในการเล่น ที่สำตัญไปกว่านั้น ผู้เล่นต้องทราบว่าอีกฝ่ายก็ใช้หลักเพิ่มอรรถประโยชน์ให้สูงสุดเช่นกัน เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว แต่ละฝ่ายจะไม่ได้เปรียบหรือเสียเปรียบกันอย่างใดทั้งสิ้น ตลาดที่มีข้อมูลข่าวสารโปร่งใสจะทำให้เกิดประสิทธิผลโดยรวมสูงสุด มากกว่าตลาดที่ผู้เล่นแต่ละฝ่ายใช้ความแตกต่างด้านข้อมูลข่าวสาร หวังทำกำไรและเอาเปรียบฝ่ายที่ด้อยกว่าด้วย Asymmetry of Information ทั้งนี้หลัก common knowledge นี้เข้าใจได้ไม่ยาก แต่การปฏิบัติ และผลกระทบของมันมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง จำเป็นที่ทุกท่านจะต้องเข้าใจก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่เกมส์กันจริงๆ
คำอธิบายสองหลักการใหญ่ๆที่กล่าวไปแล้วนั้น แม้จะไม่ตรงตามสถานการณ์จริงซะทีเดียว แต่ว่าเป็นข้อสมมติที่ทำให้เราได้ศึกษาทฤษฏีเกมส์ได้อย่างเข้าใจมากขี้น